ตู้ปันสุขทหารอากาศ

 

"น้อง " Give &  Take"  สุขใจ ให้และรับ

 

"หยิบในสิ่งที่ต้องการ

เจือจานในสิ่งที่เรามี"

 

ตู้ปันสุขทหารอากาศมีชื่อเรียกว่า " น้อง " Give &  Take"  สุขใจ ให้และรับ"

เป็นผลงานลำดับที่สามของ โครงการ อินทรี The Series เป็นโครงการสร้างนวัตกรรม การป้องกันการระบาดของ COVID-19

ของกรมสรรพาวุธทหารอากาศ คือ อินทรีอนามัย อินทรีมีสุข  น้อง " Give &  Take"  สุขใจ ให้และรับ และ อินทรีมีข้าว

 

น้อง " Give &  Take"  สุขใจ ให้และรับนี้ เป็นตู้ปันสุขระบบอัตโนมัติ สืบเนื่องจากการตั้งตู้ปันสุขแบบต่างๆ ที่ผ่านมานั้น ยังไม่เป็นระเบียบแบบแผนเท่าที่ควร

มีการนำของออกไปเกินความต้องการของตน การหยิบของมีการสัมผัสสิ่งของและบุคคลมากเกินความจำเป็น

อาจทำให้เกิดการปนเปื้อน และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่างๆได้

 

ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ จึงได้สั่งการให้เจ้ากรมสรรพาวุธทหารอากาศ พลอากาศโท ต่อพล ออเขาย้อย

ดำเนินการสร้างตู้ปันสุขอัตโนมัติขึ้น กรมสรรพาวุธทหารอากาศ จึงพิจารณาใช้หลักการพื้นฐานทางกล ผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่

โดยได้รับความร่วมมือจาก ดอกเตอร์ ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคงของประเทศและการประยุกต์เชิงพาณิชย์

สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติหรือ สวทช. ทำการสร้างซอฟท์แวร์ และเขียนคำสั่งในโปรแกรมการตรวจจับภาพซ้ำในกล้องอัตโนมัติ ที่ติดตั้งกับอินทรีปันสุขนี้

หลักการทำงานของตู้ปันสุขทหารอากาศ หรือ น้อง " Give &  Take"  สุขใจ ให้และรับ ไม่มีอะไรซับซ้อน

ผู้มาบริจาคของหรือผู้ต้องการของ เพียงยืนข้างหน้าตู้ จากนั้น กล้องอัตโนมัติ จะจับโฟกัสที่ใบหน้า ถ้าหากผู้ที่ยืนนั้น

ไม่ถูกบันทึกซ้ำหน้า ภายใน 48 ชั่วโมง ระบบ จะเริ่มทำงาน โดยปลดล็อคกลอน ช่องใส เก็บของ 23 ตู้

จากนั้น บุคคล สามารถเลือกเปิดช่อง เพื่อหยิบของที่ต้องการ หรือใส่ของที่นำมาบริจาคในช่องนั้นๆ

ส่วนช่องอื่นๆนั้น จะล๊อคอัตโนมัติภายในเวลาที่กำหนด จากนั้น ผู้ให้หรือผู้รับ สามารถปิดประตูช่องได้เอง

กองทัพอากาศได้นำเสนอตู้ปันสุขทหารอากาศต้นแบบ น้อง " Give &  Take"  สุขใจ ให้และรับออกแบบและสร้างโดยกรมสรรพาวุธทหารอากาศ

ผนวกความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจาก สวทช. ด้วยมีความตั้งใจและมุ่งหวัง ให้สังคมไทยรู้จักการให้และการรับ อย่างเป็นระเบียบและระบบ

ตู้ปันสุขทหารอากาศนี้ สามารถทำให้การให้และการรับ ในความปราถนาดีของคนไทยทุกคน ได้แพร่กระจายสู่สังคมไทย ได้อย่างทั่วถึง ถือเป็นแบบอย่างที่ดี

เป็น New Normal ของสังคมยุคใหม่ ที่เป็นสังคมแห่งความมีน้ำใจแห่งอนาคต ได้อย่างแท้จริง